วัดพระเชตุพน หนึ่งในสถานที่ ท่องเที่ยว สุดอันซีนยอดนิยมในกรุงเทพฯ ที่สามารถเดินทางสะดวก และถือเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กสำคัญที่นักท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นชาวไทยหรือชาวต่างชาติ ต่างนิยมเข้ามาสักการะขอพร องค์พระนอน และเข้าชมสถาปัตยกรรมสมัย กรุงรัตนโกสินทร์ (วัดประจำรัชกาลในรัชกาลที่ 1) และนอกจากนี้ทางวัดยังเป็น ศูนย์การเรียนรู้ที่สำคัญอีกหนึ่งของโลกด้วย โดยวันนี้เราจะพาทุกท่านมาศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับวัดโพธิ์ ประวัติความเป็นมา สิ่งที่น่าสนใจต่าง ๆ ภายในวัด ซึ่งท่านไหนที่กำลังเดินทางมายังกรุงเทพฯ บอกเลยว่าพลาดไม่ได้
ท่องเที่ยว วัดพระเชตุพน (วัดโพธิ์) ท่าเตียน
วัดโพธิ์ มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก และนอกจากนี้ยังเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 1 แห่งราชวงศ์จักรี โดยสืบเนื่องจากพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนา “วัดโพธาราม” วัดเก่า ที่เมืองบางกอก ครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นวัดหลวง ซึ่งพระอารามหลวงแห่งนี้มีพื้นที่กว่า 50 ไร่ 38 ตารางวาตั้งอยู่ทางด้านทิศใต้ของพระบรมมหาราชวัง ทิศเหนือจดถนนท้ายวังทิศตะวันออกจดถนนสนามไชย ทางทิศใต้จดถนนเศรษฐการ ทิศตะวันตกจดถนนมหาราชมีถนนเชตุพน ขนาบด้วยกำแพงสูงสีขาวแบ่งเขตพุทธาวาส และสังฆาวาสชัดเจน
เปิดประวัติ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร
วัดโพธิ์ หรือ วัดโพธาราม ผู้คนในอดีตต่างมีความเชื่อว่ากันว่า เป็นที่ตั้งของต้นพระศรีมหาโพธิ์นั่นเอง ซึ่งจากการสันนิษฐานโดยนักโบราณคดีและผู้เชี่ยวชาญพบว่า วัดแห่งนี้ได้มีการก่อสร้างตั้งแต่ช่วงหลังปี พ.ศ. 2231 หรือตั้งแต่สมัยอยุธยา ในรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช แต่ก็มีหลายฝ่ายที่เชื่อว่าได้มีการก่อสร้างมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระเพทราชา และเมื่อถึงรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ได้มีการโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาวัดนี้ขึ้นมาใหม่ในช่วงปี พ.ศ. 2331 โดยได้ทำการบูรณะจากของเดิม และทรงสร้างพระอุโบสถ พระระเบียง พระวิหารใหม่ จนแล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2344 โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามว่า วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาวาส ซึ่งแปลว่า ที่อยู่อันงามของพระพุทธเจ้า
และนอกจากนี้ วัดโพธิ์ ยังเป็น มหาวิทยาลัยเปิดแห่งแรกของประเทศไทย เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือรัชกาลที่ 3 มีพระราชประสงค์ให้จารึกตำรายาและความรู้ต่าง ๆ ลงบนแผ่นหินอ่อนประดับไว้รอบวัด เพื่อเป็นการให้ประชาชนในสมัยนั้นได้มีการเรียนรู้ ซึ่งจะมีตำราจารึกเหล่านั้น หรือ จารึกวัดโพธิ์ โดยในปัจุบันได้กลายมาเป็นมรดกโลก จากมติขององค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ องค์กรยูเนสโก (UNSCO) ในวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2554
สิ่งที่น่าสนใจภายในวัดโพธิ์
พระนอนวัดโพธิ์ หรือพระพุทธไสยาสน์
ซึ่งตัวองค์พระมีขนาดใหญ่และมีความเก่าแก่ที่สุดในกรุงเทพฯ โดยมีขนาดความยาว 46 เมตร ความกว้าง 2.5 เมตร ซึ่งประดิษฐานอยู่ในพระวิหารพระพุทธไสยาสน์ บริเวณฝ่าพระบาทขององค์พระนอน มีความยาวถึง 5 เมตร สูงโดยประมาณ 3 เมตร ซึ่งมีการประดับมุกเป็นรูป อัฎฐตดรสตมงคล หรือ มงคล 108 ประการ ได้แก่ หม้อน้ำ ปลาคู่ ดอกบัว (สื่อถึงความอุดมสมบูรณ์ โชคลาภ) และ สัตตรัตนะ 7 บัลลังก์ เครื่องยศ (สื่อถึงเครื่องเสริมพระบารมี) โดยมีความเชื่อกันว่าหากได้มากราบไหว้ ขอพระบริเวณที่ปลายเท้าของพระนอนวัดโพธิ์ จะทำให้ชีวิตร่มเย็นเป็นสุข มีโชคลาภ การงานสำเร็จ และนอกจากนี้อีกมีความเชื่ออีกหนึ่งอย่างคือ ผู้ที่อายุย่างเข้าเลข 3 หากไปขอพรเรื่องความรักกับพระนอนจะสมหวังอีกด้วย
พระพุทธเทวปฏิมากร
พระประธานภายในพระอุโบสถ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ โดยภายในองค์พระบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ฐานชุกชีประดิษฐานพระบรมราชสรีรางคารรัชกาลที่ 1
พระมหาเจดีย์สี่รัชกาล
- พระมหาเจดีย์ศรีสรรเพชดาญาณ ถูกสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 เพื่อครอบพระศรีสรรเพชญ์ ซึ่งถือได้ว่าเป็นพระมหาเจดีย์ประจำรัชกาลที่ 1
- พระมหาเจดีย์ดิลกธรรมกรกนิทาน ถูกสร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 ทรงพระราชอุทิศถวายแด่พระบรมราชชนก คือรัชกาลที่ 2 ซึ่งถือได้ว่าเป็นพระมหาเจดีย์ประจำรัชกาลที่ 2
- พระมหาเจดีย์มุนีบัตบริขาร สร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 ทรงพระราชถวายอุทิศถวายเป็นพุทธบูชา นับเป็นพระมหาเจดีย์ประจำรัชกาลที่ 3
- พระมหาเจดีย์ทรงพระศรีสุริโยทัย สร้างในสมัยรัชกาลที่ 4 ทรงสร้างขึ้นตามแบบพระเจดีย์ศรีสุริโยทัย กรุงศรีอยุธยา นับเป็นพระมหาเจดีย์ประจำรัชกาลที่ 4
พระระเบียง ฐึ่งจะถูกประกอบไปด้วยพระอุโบสถ มี 2 ชั้น ซึ่งทั้ง 2 ชั้นจะเชื่อมต่อด้วยพระวิหารทิศรอบพระอุโบสถทั้งสี่ทิศ โดยชั้นในจะถูกประดิษฐานพระพุทธรูป 150 องค์ และชั้นนอกประดิษฐานพระพุทธรูป 244 องค์ ซึ่งพระพุทธรูปทุกองค์ล้วนเป็นเนื้อสำริด
ยักษ์วัดโพธิ์ เป็นประติมากรรมที่มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ยักษ์วัดโพธิ์ถูกสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 ซึ่งได้มีการโปรดเกล้าฯ ให้รื้ออสูรเฝ้าประจำประตูทั้ง 4 ประตูออก และนำตุ๊กตาศิลาจีนมาแทน และได้มีการโปรดเกล้าฯ ให้หล่อรูปยักษ์ขนาดเล็ก จำนวน 8 ตน ตั้งไว้ที่ทางเข้าหอไตรจตุรมุข (พระมณฑป) ตรงซุ้มประตูทั้ง 4 ด้าน ด้านละ 1 คู่ เพื่อให้ทำหน้าที่พิทักษ์รักษาหอพระไตรปิฎก และในปัจจุบันเหลือยักษ์เพียง 2 ตัว
กฎและกติกาการเข้าชมวัดโพธิ์
- วัดโพธิ์เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมทุกวัน จันทร์ – อาทิตย์ ไม่เว้นวันหยุด
- เปิดให้เข้าชมตั้งแต่ในช่วงเวลา 08.00-18.30 น.
- ค่าเข้าท่านละ 100 บาท
วันนี้ทุกท่านคงได้ทำความรู้จักกับ วัดพระเชตุพน กันไปแล้วซึ่งถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่สำคัญ ซึ่งประกอบด้วย พระมหาเจดีย์ประจำรัชกาลที่ 1-4 โดยด้านใดวัดนั้น มีความสวยงาม และมีมุมถ่ายรูปสวยๆ อีกมากมาย โดยเรารับประกันได้เลยว่าท่านจะเกิดความประทับใจอย่างแน่นอน สำหรับวันนี้ต้องขอตัวลาไปก่อน กลับมาพบกันใหม่ในบทความหน้า